Congressional Blockchain Cause คืออะไร ให้ผลดีอย่างไร

ตลาดบิตคอยน์และตลาดเหรียญคริปโตฯ ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้นักลงทุนจากทั่วโลกยังคงหลั่งไหลเข้าสู่การซื้อ-ขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่หลากหลายสกุลเงิน ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะลงทุนในตลาดเหรียญคริปโตฯ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ราคาบิตคอยน์จะขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงมีเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ และหลากหลายโปรเจคเกี่ยวกับเหรียญดิจิทัลให้ได้ลงทุน จุดนี้เองจึงทำให้ประเทศใหญ่ต่างก็จับตามองตลาดของเหรียญคริปโตฯ กันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีอิสระต่อการลงทุนและการใช้เหรียญคริปโตฯ เป็นอย่างมาก แม้ว่าทางรัฐสภาของสหรัฐจะมีมติเห็นด้วยเพียงแค่ครึ่งหนึ่งก็ตาม

ทำความรู้จักกับ Congressional Blockchain Cause

เมื่อตลาดเหรียญคริปโตเคอเรนซี่เริ่มมาแรงจนกลายเป็นกระแสโลก ทำให้ประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกเริ่มเคลื่อนไหว เพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดเงินดิจิทัลกันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถือว่าเป็นประเทศที่มีอิสระทางด้านความคิดและวัฒนธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ทั้งยังเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจ ได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือต่อการมาของเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ด้วยเช่นกัน

โดยรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาหรือที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักกันในชื่อของ “สภาคองเกรส” ได้มีการเปิดประชุม Congressional Blockchain Cause ที่เนื้อหาโดยรวมเป็นการหารือเพื่อรับมือต่อการลงทุนและซื้อขายในรูปแบบตลาดเหรียญดิจิทัล มีทั้งการร่างระเบียบและข้อกฎหมายใหม่ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมไปถึงหารือเรื่องการรับรองสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ผู้นำด้านการประชุม คือ Jared Polis และ David Schweikert สมาชิกสภาจากรัฐ Arizona ที่ได้มีความคิดเห็นเรื่องของการใช้บล็อกเชนที่จะเข้ามามีบทบาทภายในองค์กรต่าง ๆ สูงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านธนาคาร, ธุรกิจด้าน Supply Chain, ธุรกิจด้านระบบสาธารณสุข หรือแม้แต่ Cyber Security ขององค์กรใหญ่จะมีการนำบล็อกเชนมาใช้มากขึ้นแน่นอน

ทางสภาคองเกรสจึงมีความจำเป็นที่ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ไว้ให้มากที่สุด พร้อมการสร้างความเข้าใจใหม่ต่อเทคโนโลยีของบล็อกเชน เพื่อนำมาสู่การพัฒนาและใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้ควรต้องมีการออกระเบียบและข้อบังคับ รวมไปถึงข้อกฎหมายที่สอดคล้องต่อการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีในพื้นที่สาธารณะ เพื่อทำให้เป็นระเบียบเดียวกัน ลดการก่ออาชญากรรมและโจรกรรมต่าง ๆ ให้มากที่สุด

ความเคลื่อนไหวของ Congressional Blockchain Cause ที่มีต่อตลาดบิตคอยน์ 

การประชุมของสภาคองเกรสในครั้งนี้ เป็นการร่วมประชุมของกลุ่ม Caucus ที่ถือว่าเป็นพื้นที่ด้านให้ความรู้, การประชุม และการให้แหล่งงานวิจัย เพื่อทำให้รัฐสภาได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง จนสามารถกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพและออกกฎหมายข้อบังคับหรือระเบียบต่าง ๆ ให้ตรงต่อปัญหา ซึ่งในปัจจุบันทางสภาคองเกรสเริ่มมีการพูดคุยกับทางภาคเอกชนในเรื่องความรู้ของบล็อกเชนมากขึ้น เพื่อเป็นการหาข้อมูลเพิ่มเติมและการเข้าถึงเทคโนโลยีรุ่นใหม่ เพราะ ส.ส.หลายรายจากสภาคองเกรสเชื่อมั่นว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่จะยังคงพัฒนาไปได้อีกไกล

ส่วนเทคโนโลยีบล็อกเชนจะกลายมาเป็นเทคโนโลยีหลัก ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของธุรกิจต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่ง ส.ส. Jared Polis และ David Schweikert ต่างก็มีความหวังว่าการประชุม Congressional Blockchain Caucus ครั้งนี้จะช่วยพัฒนาความเข้าใจของ ส.ส.ในสภาคองเกรสทั้งหมด พร้อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่จะช่วยทำให้ประเทศสหรัฐอเมริการับมือต่อตลาดโลกด้านเทคโนโลยีได้อย่างเต็มรูปแบบ

จับตาดูตลาดคริปโตเคอเรนซี่กับสภาคองเกรส ในยุคโจ ไบเดน

ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ยังอยู่ในระดับกลาง ๆ และยังคงเป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ต่อตลาดเหรียญคริปโตฯ เพราะด้วยความคิดเห็นของรัฐมนตรีคลัง 2 รายที่มีความแตกต่างกัน โดยในรายแรก คือ Janet Yellen เป็นผู้ที่มีความกังวลต่อปัญหา Cybersecurity เป็นอย่างมาก แต่ในขณะที่ Jay Clayton กลับเป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านวงการบิตคอยน์ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องชั่งน้ำหนักกันให้ดี แต่ก็มีมุมมองจากนักลงทุนว่า สหรัฐอเมริกาอาจจะยังคงต้องการเรียนรู้และศึกษาตลาดคริปโตเคอเรนซี่ให้มากขึ้น

ในขณะเดียวกันสภาของโจ ไบเดนจะมีความพยายามให้เหรียญ Stablecoin เข้าสู่กฎเกณฑ์ด้านการเงินที่เป็นไปในรูปแบบ Traditional Finance ให้มากขึ้น นั่นหมายความว่าแม้จะยอมรับต่อตลาดเหรียญคริปโตฯ แต่ก็ยังคงมีความพยายามที่จะทำให้ตลาดนี้เข้าสู่ระบบดั้งเดิม เพื่อให้สามารถควบคุมได้ และมีผู้สงสัยว่าไบเดนอาจจะขึ้นภาษีคริปโตเคอเรนซี่ในอนาคตด้วยจำนวนที่สูงกว่า 28 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว